น้ำเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกายถึง 60%

ในร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำและของเหลวจำนวนมาก จากการศึกษาพบว่าผู้ใหญ่มีปริมาณน้ำและของเหลวในร่างกาย 60% ของน้ำหนักตัว ส่วนทารกมีปริมาณน้ำและของเหลวในร่างกาย 80% ของน้ำหนักตัว โดยเฉลี่ยผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม จะมีปริมาณของน้ำและของเหลวในร่างกายประมาณ 42 ลิตร

เมื่อเราดื่มน้ำเข้าไปน้ำจะถูกดูดซึมและนำไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายในรูปแบบของเหลว อาทิ เลือด ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ

ของเหลวในร่างกายนำพาออกซิเจนและสารอาหารต่างๆไปเลี้ยงเซลล์และกำจัดของเสียออกทางปัสสาวะ เมื่ออุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เลือดจะถูกสูบฉีดไปเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น ส่งผลทำให้เราเหงื่อออก เพื่อช่วยปรับสมดุลของอุณหภูมิในร่างกาย

ทำไมจึงรู้สึกกระหายน้ำ? นี่คือสัญญาณเตือนจากร่างกายว่ากำลังขาดน้ำ

อาการกระหายน้ำมีที่มาจาก 2 สาเหตุหลักๆ 

1. เป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอ

2. อาจเกิดจากร่างกายมีปริมาณของเหลวและแร่ธาตุไม่สมดุล 

ร่างกายจึงมีกลไกเพื่อเตือนให้เรารู้ว่า ต้องมีการชดเชยน้ำและแร่ธาตุให้กับร่างกาย จึงเป็นที่มาของอาการกระหายน้ำ

ทำไมการดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียวจึงไม่พอ? ความเสี่ยงของ “ภาวะขาดน้ำแบบแฝง” คุณอาจไม่รู้สึกกระหายน้ำ ทั้งๆที่ร่างกายของคุณกำลังประสบกับภาวะขาดน้ำอยู่

เพราะว่าเหงื่อของเราไม่ได้ประกอบไปด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว หากคุณเลือกที่จะดื่มน้ำเปล่าในขณะที่ร่างกายสูญเสียเหงื่อ คุณสามารถดับความรู้สึกกระหายได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น โดยของเหลวในร่างกายจะถูกทำให้เจือจางจากน้ำเปล่าที่ดื่มเข้าไป ซึ่งทำให้กลไกของร่างกายพยายามปรับความสมดุล โดยการขับของเหลวออกไปอีก ดังนั้นถึงคุณจะไม่รู้สึกกระหายน้ำ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ร่างกายของคุณยังประสบกับภาวะขาดน้ำอยู่ เราเรียกอาการแบบนี้ว่า “ภาวะขาดน้ำแบบแฝง (Voluntary Dehydration)”

สาเหตุที่เหงื่อมีรสชาติเค็ม เนื่องจากเหงื่อมีส่วนประกอบอื่นนอกจากน้ำแล้วยังประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ อาทิ แมกนีเซียม, แคลเซียม, โพแทสเซียมและโซเดียม เป็นต้น

ดังนั้นเมื่อร่างกายสูญเสียเหงื่อควรเลือกเครื่องดื่มที่มีองค์ประกอบของแร่ธาตุใกล้เคียงกับของเหลวที่ร่างกาย เพื่อชดเชยน้ำและแร่ธาตุสูญเสียไป โดยจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วและสดชื่นทันทีหลังดื่ม